เทคนิค การตั้งชื่อแบรนด์ ให้จดจำง่าย ติดหู จนแบรนด์ปัง
ตั้งชื่อแบรนด์แบรนด์ยังไงให้ประสบความสำเร็จ วันนี้ ทางบริษัท ปริยวิศว์ แล็บบอราทอรี่ จำมาแนะนำให้เข้าใจและนำไปใช้ได้นะครับ หลายๆคนอาจจะดูว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญ แต่จริงๆแล้วเป็นขั้นตอนสำคัญมากเพราะ ก่อนที่เราจะเริ่มธุรกิจอะไร เราก็ต้องคิดชื่อ คิดหน้าต่างของแบรนด์ให้ปั๊วปังอลังเวอร์ไว้ก่อน ชื่อแบรนด์ในท้องตลาด มีหลากหลายจุดเด่นจุดจดจำ หากต้องการให้สินค้าของเราเป็นที่สนใจ เราไม่สามารถเลี่ยงการตั้งชื่อไปได้เลย เพราะนั่นจะเป็นสิ่งแรกที่คนจะกล่าวถึง ในการสร้างธุรกิจ การตั้งชื่อแบรนด์เป็นปัญหาอย่างหนึ่งเลย โดยเฉพาะหากเป็นการทำแบรนด์โดยไม่มีหุ้นส่วนแล้วด้วยละก็ มีความเป็นไปได้สูงที่กว่าจะได้ชื่อแบรนด์ที่โดนใจทุกคน และยังต้องคำนึงถึงการที่ชื่อแบรนด์ จะผ่าน อย ไหม แล้วจะยิ่งติดหูติดใจไหม จะสร้างความปวดหัวให้ได้มากเลย เราลองมาดูกันดีกว่าการจะตั้งชื่อสินค้า หรือแบรนด์นั้น มีเทคนิคอะไรบ้าง
1.ชื่อไม่ยาว จนจำไม่ได้
ชื่อแบรนด์ที่ดีจะต้องไม่ยาวจนเกินไป เพราะใช้คำมาก ยิ่งคำยาวเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้จำได้ยากมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นลองนึกถึงที่เราต้องทำโฆษณาสินค้าแบรนด์ ประชาสัมพันธ์สินค้าดู ว่ายุ่งยากมากแค่ไหน หากชื่อแบรนด์ยาวจนไม่สามารถเขียนจนได้ในย่อหน้าสั้นๆ ในช่วงเวลาที่คนมักเลื่อนผ่านหน้าจอ มากกว่าตั้งใจอ่านอย่างจริงจัง จะดีกว่าไหมหากชื่อสินค้ามีความยาวไม่เกิน 4 พยางค์ เพื่อให้อ่านได้ง่าย กวาดตามองทีเดียวก็รู้ หรือ หากจะใช้คำรวมกัน แต่อาจจะเกิน 4 พยางค์ไปสักหน่อย แต่ทำให้คนเข้าใจ หรือง่ายต่อการออกเสียงก็ยังถือว่าได้อยู่ เลือกใช้คำที่มีความหมายจบในคำเดียว ไม่ต้องยืดเยื้อ
2.ชื่อไม่สั้น ไม่ห้วน ไม่สับสน
การเลือกใช้คำแบบ คำเดี่ยวโดดๆ สั้นกระชับจบในพยางค์เดียวก็เป็นที่นิยมเช่นกัน แต่ต้องคำนึงด้วยว่า คำที่เราสื่อสื่อมาจากอะไร สื่อมากจากไหนทางไหน ซึ่งเราจะใช้การสื่อมาจากสารสกัดทางสินค้า หรือไม่ก็ชื่อแบรนด์ของตัวเองซึ่งสำหรับผู้ที่มีแบรนด์อยู่แล้ว ชื่อพยางค์เดียวที่เราเลือกใช้นั้นจะไปซ้ำกับชื่อ 3-4 พยางค์ของสินค้าเจ้าอื่นหรือไม่ เพราะถ้าคำสั้นๆ ที่เราเลือกใช้ไปซ้ำกับคำที่มีอยู่ในชื่อสินค้าแบรนด์อื่นก็อาจทำทำให้ผู้บริโภคเกิดความสับสนกับสินค้าได้ จะเห็นได้ว่าการเลืกอใช้คำนั้นไม่ว่าจะสั้นหรือยาวก็ต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนหลายๆแง่มุมโดยเฉพาะในส่วนของสินค้าที่เราต้องการจำหน่ายหรือบริการนั้นๆ อีกด้วย
3.ความหมายของคำ รูปแบบการใช้
การเลือกใช้คำให้ดีนั้นก็ควรเป็นคำที่มีความหมาย เพื่อจะให้เข้าถึงผู้คนได้ โดยเฉพาะคำที่คนคุ้นเคยเข้าใจความหมายอยู่แล้ว อย่างคำว่า ออร่า ซึ่งถ้าใช้คำกับสินค้าหรือแบรนด์สกินแคร์ ก็จะแปลความหมายไปอีกในหนึ่งว่า หน้าขาว หน้าใส หน้าฉ่ำวาวได้ หรือนิยมอีกคือการใช้ชื่อเฉพาะมาตั้งชื่อสินค้า อย่างการใช้ชื่อต้น หรือชื่อสกุลมาเป็นชื่อสินค้า หรือหากเป็นการเล่นคำ ก็ต้องมันใจด้วยว่าคำนั้นๆจะง่ายต่อการเข้าใจ ไม่สร้างความสับสน ไม่ควรเลือกคำที่ยากเกินไป โดยเฉพาะคำที่อ่านยาก ออกเสียงยาก อาจจะทำให้ผู้บริโภคเกิดความไม่มั่นใจ การใช้คำผวนต้องระวัง ต้องคำนึงด้วยว่าบางคนก็ไม่สามารถผวนคำได้ และจะไม่เข้าใจถึงการเล่นคำที่เราต้องการสื่อสาร นอกจากนี้ การใช้คำส่อเสียด หรือหมิ่นเหม่ไปในทางใดทางหนึ่งก็อาจก่อให้เกิดความสับสนได้เช่นเดียวกัน ดังนั้นการเลือกใช้คำต่างๆ ต้องคำนึงถึงการเลือกใช้ความหมายให้ดี
4.ชื่อที่เรียบง่ายเข้าใจง่าย
หลายคนอาจจะคิดว่าควรตั้งชื่อที่เก๋ เท่ แปลก แตกต่างเข้าไว้ จริงๆแล้วชื่อแบบนั้นก็มีเอกลักษณ์ดี แต่ก็ต้องด้วยว่ามันยากเกินไปต่อการเข้าถึงผู้คนมากไหม ชื่อที่เรียบง่าย แต่เก๋เข้าใจง่ายก็มี คำไทยอาจจะพ้องรูปพ้องเสียงมาเล่นคำให้เกินความเท่ก็มี ดังนั้น คำง่ายๆ เรียบๆ ที่สะดุดหู ย่อมดีกว่าการใช้คำแปลกที่คนไม่คุ้นเคย
5.ตั้งชื่อให้สอดคล้อง
ชื่อที่เราตั้งจะต้องสอดคล้องกับสินค้าของเราด้วย ควรตั้งชื่อมีทิศทางไปแนวเดียวกับสินค้า อย่างเช่นถ้าสินค้าของเราคือครีมบำรุงผิว การเลือกใช้คำที่ทำให้รู้สึกสวยก็ย่อมดีกว่าเลือกใช้คำที่ทำให้รู้สึกหมดความมั่นใจ ควรมีการเลือกใช้คำที่ทำให้คนได้ยินแล้วรู้สึกอยากใช้ผลิตภัณฑ์ของเรา อยากทดลองใช้ อยากนำกลับมาไว้ที่บ้าน สิ่งสำคัญในการตั้งชื่อจำนวนพยางค์ ความหมายของคำ ความสอดคล้องกับสินค้านั่นเอง ที่นี่เราก็รู้เทคนิคและว่าเราตั้งชื่อแบรนด์ของเราติดหูคนทั่วไปได้อย่างไร
14 มีนาคม 2568
ผู้ชม 68 ครั้ง